การปรึกษานักจิตวิทยาคือการพูดคุยกันโดยอยู่บนพื้นฐานของการรับฟัง ความเข้าใจ ในบรรยากาศที่ปลอดภัยและไม่ถูกตัดสิน ซึ่งจะช่วย Support อารมณ์ความรู้สึกของคุณ และยังได้กลับมาทำความเข้าใจกับตัวเองและสิ่งที่เกิดขึ้น หาต้นเหตุที่แท้จริง เปิดมุมมองความคิด เพื่อนำไปสู่การดูแลรับมือกับสิ่งที่รบกวนจิตใจในแบบของตัวเอง โดยมีนักจิตวิทยาการปรึกษาเป็นผู้สนับสนุนตลอดกระบวนการ

เราเชื่อว่าเรื่องจิตใจไม่มีคำตอบที่สำเร็จรูปที่ทำแล้วจะได้ผลกับทุกคน เพราะทุกคนมีความแตกต่างหลากหลาย การปรึกษากับนักจิตวิทยาแบบรายบุคคลจึงเหมือนการสั่งตัดเสื้อผ้าเฉพาะตัว ที่คุณจะได้รับแนวทางที่เหมาะกับตัวคุณเองจริงๆ

สามารถมาปรึกษาได้ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต เช่น ปัญหาความสัมพันธ์ การเรียน การงาน ความรัก ครอบครัว การปรับตัว เรื่องของความรู้สึกต่างๆ เช่น ความเศร้า ความกังวล รวมไปถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น รู้สึกไม่มีความสุขกับสิ่งต่างๆ นอนไม่หลับ หรือเมื่อรู้สึกต้องการใครสักคนที่เข้าใจและรับฟังโดยไม่ตัดสิน

เรามีนักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในประเด็นปัญหาที่หลากหลาย สามารถเลือกนัดหมายนักจิตวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญสอดคล้องกับประเด็นปัญหาที่คุณต้องการมาปรึกษาได้ โดยคุณสามารถ รู้จักนักจิตวิทยาของเราเพิ่มเติมได้ที่นี่

วิธีสังเกตที่ง่ายที่สุดคือ เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเริ่มส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวัน เช่น การกิน การนอน สมาธิ รู้สึกไม่มีความสุข แปลว่าคุณอาจจะจำเป็นต้องเริ่มมองหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

คำแนะนำของเราคือ ไม่จำเป็นต้องแบกทุกอย่างเอาไว้คนเดียว หรือรอจนรู้สึกว่าอดทนไม่ไหว เมื่อเริ่มรู้สึกว่าอยากพูดคุยกับใครสักคน การมาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพื่อหาทางรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ ป้องกันไม่ให้กลายเป็นปัญหาใหญ่หรือเรื้อรังในภายหลัง

ไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่าต้องพบกี่ครั้ง และแค่ไหนที่จะเรียกว่าดีขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเกี่ยวกับความเป็นปัจเจกบุคคล เช่น ปัญหาที่แตกต่างกัน ความซับซ้อนของประเด็นปัญหา วัตถุประสงค์ในการมาปรึกษา

คำว่าดีขึ้นของหลายคนจึงมีนิยามที่แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะเป็น การเข้าใจสิ่งที่เผชิญอยู่มากขึ้น มีแนวทางในการรับมือกับปัญหามากขึ้น มีความมั่นใจที่จะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากขึ้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาณของความคืบหน้าในการมาปรึกษาทั้งสิ้น

ในการให้บริการแต่ละครั้ง เราให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ของผู้มารับบริการ และร่วมกันผสมผสานวัตถุประสงค์ดังกล่าวกับแนวทางในการให้บริการของเรา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้มารับบริการเสมอ

เราเชื่อว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะมีเรื่องไม่สบายใจ ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพูดกับคนใกล้ตัวได้

การมาปรึกษานักจิตวิทยาจึงไม่ใช่เรื่องของคนป่วยหรือเรื่องผิดปกติ บางครั้งแค่รู้สึกอยากมีใครสักคนที่รับฟัง อยากเข้าใจตัวเองมากขึ้น อยากหาทางรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยากได้ความคิดเห็นจากคนนอก หรือ แม้กระทั่งการพูดคุยกันเพื่อ Check-up สุขภาพจิต ก็สามารถมาปรึกษานักจิตวิทยาได้

จิตแพทย์และนักจิตวิทยาต่างมุ่งเน้นในการช่วยเหลือดูแลสุขภาพจิตด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็มีทั้งความเหมือนและความต่าง

จิตแพทย์คือผู้ที่เรียนแพทย์ สามารถวินิจฉัยโรคและสั่งยาได้ ทำงานบนพื้นฐานของการรักษาโรคและอาการต่างๆผ่านกลไกลทางด้านร่างกาย เช่น สมอง สารสื่อประสาท

นักจิตวิทยาจบการศึกษาจากสาขาจิตวิทยา ไม่สามารถวินิจฉัยโรคหรือสั่งยาได้ การทำงานบนพื้นฐานของการรับฟังและพูดคุยเป็นหลัก ให้ความสำคัญกับปัญหาที่รบกวนจิตใจ มุมมองความคิดที่ผู้รับบริการมีต่อปัญหานั้น รวมไปถึงร่วมกันค้นหาวิธีคลี่คลายปัญหาไปพร้อมๆกับผู้รับบริการ ซึ่งนักจิตวิทยาของเราจบหลักสูตรจิตวิทยาการปรึกษาในระดับมหาบัณฑิต มุ่งเน้นการฝึกฝนทักษะในการพูดคุย บำบัดและให้คำปรึกษาโดยตรง

ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า นักจิตวิทยาจะละเลยด้านร่างกาย หรือจิตแพทย์จะไม่สนใจด้านจิตใจไปทั้งหมด ผู้รับบริการสามารถเลือกรับบริการจากผู้เชี่ยวชาญได้ โดยพิจารณาจากความต้องการและอาการที่เกิดขึ้น

ไม่จำเป็น คนทั่วไปที่รู้สึกไม่สบายใจหรือเริ่มรู้สึกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เริ่มมีการกิน การนอนที่เปลี่ยนไป ไม่สามารถหยุดคิดได้ หรือไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ สามารถมาพบนักจิตวิทยาได้เลย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเป็นปัญหาเรื้อรังต่อไป

ได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง การพบนักจิตวิทยาควบคู่ไปกับจิตแพทย์ จะช่วยให้ผู้รับบริการได้ดูแลสุขภาพจิตแบบองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ความคิด และพฤติกรรม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การรักษาเกิดผลดีมากยิ่งขึ้น

โดยปกติแล้ว นักจิตวิทยาจะสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายใจที่สุด รวมถึงให้ความสำคัญกับการรักษาความลับ เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถเล่าสิ่งที่อยู่ในใจได้อย่างไม่ต้องกังวล อาจมีถามคำถามที่ชวนให้ผู้รับบริการได้สำรวจตัวเองและสะท้อนสิ่งที่คิดออกมา

การให้ผู้อื่นเข้ามาร่วมฟังบทสนทนา อาจทำให้ผู้รับบริการรู้สึกไม่สบายใจและไม่ได้สำรวจในประเด็นดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ นักจิตวิทยาจึงมักพูดคุยกับผู้รับบริการเป็นรายบุคคล ยกเว้นกรณีที่เป็นการทำงานในประเด็นคู่รักหรือครอบครัว ที่จะมีการพูดคุยพร้อมกันมากกว่าหนึ่งคน